ในแวดวงการลงทุนและการเทรดสินทรัพย์ทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นตลาดฟอเร็กซ์ สกุลเงินดิจิทัล หรือหุ้น การรู้จักคำสั่งเทรดประเภทต่าง ๆ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการจัดการความเสี่ยงและเพิ่มศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน หนึ่งในคำสั่งที่ทรงพลังแต่บางครั้งนักลงทุนยังไม่คุ้นเคยอย่างลึกซึ้งคือ Buy Stop Limit ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยให้คุณควบคุมจุดเข้าซื้อได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น บทความนี้จะพาคุณสำรวจทุกแง่มุมของ Buy Stop Limit ตั้งแต่หลักการพื้นฐาน การทำงานภายใน ไปจนถึงวิธีนำไปใช้จริงในสถานการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้คุณนำไปปรับใช้ได้อย่างชาญฉลาดและหลีกเลี่ยงปัญหาที่มักเกิดขึ้น

Buy Stop Limit คืออะไร? ทำความเข้าใจพื้นฐาน
Buy Stop Limit คือประเภทคำสั่งเทรดที่ผสานจุดเด่นของ Buy Stop และ Buy Limit เข้าด้วยกัน โดยมุ่งเน้นการจัดการราคาเข้าซื้อเมื่อตลาดเคลื่อนไหวตามที่คาดหวัง โดยปกติ คำสั่งนี้เหมาะสำหรับการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ราคาปัจจุบันสูงกว่าระดับที่คุณตั้งใจ แต่คุณมองว่าราคาจะทะยานขึ้นต่อหลังจากทะลุจุดสำคัญ เช่น แนวต้าน

จุดเด่นของ Buy Stop Limit อยู่ที่การกำหนดช่วงราคาที่ยอมรับได้ ซึ่งแตกต่างจาก Buy Stop ธรรมดาที่เมื่อถึงจุดกำหนดแล้วจะกลายเป็นคำสั่งตลาดทันที อาจทำให้ได้ราคาไม่ตรงใจในช่วงตลาดปั่นป่วน ด้วย Buy Stop Limit คุณจึงลดโอกาสเกิด slippage หรือการคลาดเคลื่อนราคาได้ดีขึ้น ส่งผลให้การวางแผนเทรดและควบคุมความเสี่ยงมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าเดิม ถือเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับนักเทรดที่ต้องการความยืดหยุ่นในกลยุทธ์ที่ซับซ้อน
ส่วนประกอบสำคัญของคำสั่ง Buy Stop Limit: Stop Price และ Limit Price
เพื่อเข้าใจ Buy Stop Limit อย่างแท้จริง คุณต้องรู้จักสององค์ประกอบหลักที่ทำงานประสานกัน คือ Stop Price และ Limit Price
- Stop Price (ราคาหยุด): ระดับราคาที่ใช้จุดประกายให้คำสั่ง Buy Limit เริ่มทำงาน เมื่อราคาตลาดขึ้นถึงหรือเลย Stop Price ระบบจะแปลงคำสั่ง Buy Stop Limit ของคุณเป็น Buy Limit ทันที โดยทั่วไป Stop Price จะตั้งเหนือราคาตลาดปัจจุบัน เพื่อยืนยันการทะลุแนวต้านหรือสัญญาณแนวโน้มขาขึ้นที่ชัดเจน
- Limit Price (ราคากำหนด): ระดับราคาสูงสุดที่คุณยอมจ่ายสำหรับสินทรัพย์นั้น หลังจากคำสั่งถูกจุดประกายแล้ว ระบบจะพยายามทำคำสั่งซื้อในราคาที่ไม่เกิน Limit Price หากราคาตลาดเลยขีดจำกัดนี้ คำสั่งอาจไม่สำเร็จ
ความเชื่อมโยงระหว่าง Stop Price กับ Limit Price คือหัวใจสำคัญ โดย Stop Price ทำหน้าที่จุดชนวน ส่วน Limit Price กำหนดขอบเขตที่ยอมรับได้ มักตั้ง Limit Price เท่ากับหรือสูงกว่า Stop Price เล็กน้อย เพื่อเปิดโอกาสให้คำสั่งดำเนินการได้อย่างราบรื่น

กลไกการทำงานของคำสั่ง Buy Stop Limit
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจน ลองมาดูขั้นตอนการทำงานของ Buy Stop Limit กันทีละสเต็ป
- การตั้งค่าคำสั่ง: คุณกำหนดปริมาณสินทรัพย์ที่ต้องการซื้อ พร้อมระบุ Stop Price และ Limit Price โดย Stop Price อยู่เหนือราคาตลาดปัจจุบัน และ Limit Price เท่ากับหรือสูงกว่า Stop Price เล็กน้อย
- การรอการกระตุ้น: คำสั่งจะอยู่ในโหมดรอ จนกว่าราคาตลาดจะไม่ถึง Stop Price
- การกระตุ้นคำสั่ง: เมื่อราคาขึ้นถึงหรือเลย Stop Price คำสั่งจะถูกกระตุ้นและเปลี่ยนเป็น Buy Limit ทันที
- การพยายามเติมเต็มคำสั่ง: ระบบจะจับคู่คำสั่งซื้อในราคาที่เท่ากับหรือต่ำกว่า Limit Price
- ผลลัพธ์ที่เป็นไปได้:
- ถูกเติมเต็ม (Filled): ถ้ามีผู้ขายเสนอราคาภายในขอบเขต Limit Price คำสั่งจะสำเร็จในราคาที่ดีที่สุด
- ไม่ถูกเติมเต็ม (Not Filled): ถ้าราคาพุ่งเลย Limit Price โดยไม่มีผู้ขายในช่วงนั้น คำสั่งจะค้างรอจนกว่าจะยกเลิกหรือจับคู่
กลไกนี้ช่วยให้นักเทรดเข้าซื้อในราคาที่ควบคุมได้ แม้ตลาดจะผันผวน แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่คำสั่งอาจไม่สำเร็จถ้าราคาเคลื่อนไหวรุนแรงเกินกำหนด
ตัวอย่างการใช้งาน Buy Stop Limit ในสถานการณ์จริง
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจับตาหุ้น ABC ที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ 100 บาท คุณมั่นใจว่าถ้าราคาทะลุแนวต้าน 105 บาท จะมีแรงผลักดันให้ขึ้นต่อ แต่ไม่อยากซื้อในราคาที่พุ่งสูงเกินควร
- คุณเลือกใช้ Buy Stop Limit
- Stop Price: 105.50 บาท (เหนือแนวต้านเพื่อยืนยัน)
- Limit Price: 106.00 บาท (ขีดจำกัดสูงสุดที่ยอมจ่าย)
- จำนวน: 100 หุ้น
สถานการณ์ที่ 1: ราคาหุ้นขึ้นถึง 105.50 บาท คำสั่งถูกกระตุ้นเป็น Buy Limit ที่ 106.00 บาท ถ้ามีผู้ขายที่ 105.60, 105.80 หรือ 106.00 บาท คำสั่งจะเติมเต็มในราคาเหล่านั้น
สถานการณ์ที่ 2: ราคาพุ่งจาก 105 ไป 105.50 แล้วทะยานต่อถึง 106.50 ทันที คำสั่ง Buy Limit ที่ 106.00 อาจไม่สำเร็จเพราะราคาเลยขอบเขต
ตัวอย่างนี้ชี้ให้เห็นว่า Buy Stop Limit ช่วยควบคุมราคาได้ดี แต่ในตลาดที่ผันผวนหนัก อาจพลาดโอกาสถ้าราคาเคลื่อนไหวเร็วเกินช่วงที่ตั้งไว้
เปรียบเทียบคำสั่ง Buy Stop Limit กับคำสั่งซื้อขายประเภทอื่นๆ
การรู้จักความแตกต่างของ Buy Stop Limit กับคำสั่งอื่น ๆ จะช่วยให้คุณเลือกใช้ได้ตรงกับกลยุทธ์ เรามาเปรียบเทียบกับคำสั่งยอดนิยมกัน
| ประเภทคำสั่ง | วัตถุประสงค์หลัก | กลไกการทำงาน | การควบคุมราคา | ความเสี่ยงหลัก |
|---|---|---|---|---|
| Buy Stop Limit | เข้าซื้อเมื่อราคาทะลุจุดที่กำหนด โดยยังควบคุมราคาซื้อสูงสุด | เมื่อราคาถึง Stop Price จะกลายเป็น Buy Limit ที่ Limit Price | ดี (จำกัดราคาซื้อสูงสุด) | อาจไม่ถูกเติมเต็ม (Not Filled) |
| Buy Stop | เข้าซื้อเมื่อราคาทะลุจุดที่กำหนด | เมื่อราคาถึง Stop Price จะกลายเป็น Market Order | จำกัด (ซื้อตามราคาตลาด ณ ขณะนั้น) | Slippage สูง |
| Buy Limit | เข้าซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน | รอซื้อเมื่อราคาลงมาถึง Limit Price ที่กำหนด | ดี (ซื้อในราคาที่ต้องการหรือดีกว่า) | อาจไม่ถูกเติมเต็มหากราคาไม่ลงมาถึง |
| Sell Stop Limit | ขายออกเมื่อราคาทะลุจุดที่กำหนด โดยยังควบคุมราคาขายต่ำสุด | เมื่อราคาถึง Stop Price จะกลายเป็น Sell Limit ที่ Limit Price | ดี (จำกัดราคาขายต่ำสุด) | อาจไม่ถูกเติมเต็ม |
Buy Stop Limit vs. Buy Stop
จุดต่างหลักระหว่าง Buy Stop Limit กับ Buy Stop คือการจัดการหลังถูกกระตุ้น
- Buy Stop: เมื่อถึง Stop Price จะกลายเป็น Market Order ทันที ซื้อที่ราคาตลาด ณ เวลานั้น ไม่ว่าจะสูงแค่ไหน อาจเจอ slippage มากในตลาดผันผวน
- Buy Stop Limit: เมื่อถึง Stop Price จะกลายเป็น Limit Order ที่ Limit Price ช่วยควบคุมราคาสูงสุด ลด slippage แต่เสี่ยงไม่เติมเต็มถ้าราคาพุ่งเลยขอบเขต
Buy Stop Limit vs. Buy Limit
ทั้งสองคำสั่งมีจุดประสงค์เข้าซื้อที่ต่างกัน
- Buy Limit: ใช้ซื้อในราคา ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน คาดว่าราคาจะย่อตัวลงก่อนขึ้น ตั้ง Limit Price ต่ำเพื่อรอจังหวะ
- Buy Stop Limit: ใช้ซื้อในราคา สูงกว่าราคาตลาดปัจจุบัน หลังทะลุ Stop Price คาดว่าราคาจะเร่งขึ้นหลังจุดสำคัญ เช่น แนวต้าน เพื่อตามเทรนด์
Buy Stop Limit vs. Sell Stop Limit
ความต่างอยู่ที่ทิศทางการเทรด
- Buy Stop Limit: สำหรับ เข้าซื้อ (เปิด Long) เมื่อราคาขึ้นถึงจุดกำหนด
- Sell Stop Limit: สำหรับ ขาย (เปิด Short หรือปิด Long) เมื่อราคาลงถึงจุดกำหนด กำหนดราคาขายต่ำสุดเช่นกัน
ข้อดีและข้อควรพิจารณาในการใช้ Buy Stop Limit
Buy Stop Limit มีทั้งคุณประโยชน์และข้อจำกัดที่นักเทรดควรชั่งน้ำหนักก่อนใช้งานจริง
ข้อดีของการใช้ Buy Stop Limit
- การควบคุมราคาเข้าที่แม่นยำขึ้น: กำหนดช่วงราคาสูงสุดที่ยอมรับ ลดโอกาสซื้อแพงในตลาดปั่นป่วน
- ลดความเสี่ยงจากการสลิปเพจ (Slippage): ไม่ใช่ Market Order หลังกระตุ้น จึงป้องกันการคลาดเคลื่อนในตลาดเร็วได้
- ช่วยให้สามารถวางแผนการซื้อขายล่วงหน้าได้: ตั้งคำสั่งล่วงหน้าเพื่อเข้าตามเงื่อนไข โดยไม่ต้องเฝ้าจอ เหมาะสำหรับนักเทรดที่มีตารางงานแน่นหรือต่างโซนเวลา
- การบริหารความเสี่ยง: เป็นส่วนหนึ่งของแผนจัดการความเสี่ยง กำหนดจุดเข้าชัดเจน ลดโอกาสขาดทุน
ข้อควรระวังและข้อจำกัดของ Buy Stop Limit
- ความเสี่ยงที่คำสั่งอาจไม่ถูกจับคู่ (Not Filled): ข้อจำกัดใหญ่ ถ้าราคาพุ่งเลย Limit Price เร็ว คำสั่งอาจค้าง พลาดโอกาสหรือต้องปรับใหม่
- ต้องเข้าใจกลไกการทำงานอย่างถ่องแท้: การตั้ง Stop Price กับ Limit Price ผิดพลาดอาจนำปัญหา เช่น ช่วงแคบเกินทำให้ไม่เติมเต็ม
- ความซับซ้อนที่เพิ่มขึ้น: สำหรับมือใหม่ อาจยุ่งยากกว่าคำสั่งพื้นฐาน ต้องใช้เวลาเรียนรู้
ดังนั้น ก่อนนำ Buy Stop Limit ไปใช้จริง ควรศึกษาตลาดที่สนใจให้ดี เพื่อใช้จุดแข็งให้เต็มที่และลดจุดอ่อน
กลยุทธ์การใช้งาน Buy Stop Limit อย่างมีประสิทธิภาพ
การใช้ Buy Stop Limit ให้ได้ผล ไม่ใช่แค่ตั้งราคา แต่ต้องผสานกับกลยุทธ์เทรดและจัดการความเสี่ยงโดยรวม
กลยุทธ์ยอดฮิตคือใช้เข้าซื้อเมื่อราคาเบรกแนวต้านสำคัญ เช่น หุ้นมีแนวต้าน 50 บาท ถ้าคุณคาดว่าจะพุ่งหลังทะลุ ตั้ง Stop Price ที่ 50.50 บาท และ Limit Price ที่ 51.00 บาท เพื่อยืนยันสัญญาณก่อนเข้าจริง
นอกจากนี้ ควรรวม Buy Stop Limit กับการจัดการความเสี่ยง เช่น กำหนดขนาดตำแหน่งที่เหมาะสม และตั้ง Stop Loss แยกเพื่อป้องกันถ้าตลาดหันหัว การตั้งราคาควรดูความผันผวนและสภาพคล่อง ถ้าสภาพคล่องต่ำ ช่วงราคาแคบอาจทำให้พลาด
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคำสั่งซื้อขายประเภทต่างๆ และการใช้งาน คุณสามารถศึกษาได้จากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น Investopedia
การประยุกต์ใช้ Buy Stop Limit กับตลาด Forex และคริปโตเคอร์เรนซี
Buy Stop Limit สามารถปรับใช้ในตลาดฟอเร็กซ์และคริปโตได้ แต่ต้องพิจารณาลักษณะเฉพาะของแต่ละตลาด
- ตลาด Forex: ในแพลตฟอร์มอย่าง MetaTrader 4 (MT4) หรือ MetaTrader 5 (MT5) มีตัวเลือก Buy Stop Limit โดยตรง การตั้งค่าคล้ายหุ้น สำหรับคู่เงินอย่าง EUR/USD ตลาดฟอเร็กซ์มีสภาพคล่องสูง ลดโอกาสไม่เติมเต็ม แต่ slippage ยังเสี่ยงในช่วงข่าวหรือผันผวนหนัก การศึกษาประเภทคำสั่งจะช่วยให้เข้าใจบริบทดีขึ้น จาก แหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ
- ตลาดคริปโตเคอร์เรนซี: แพลตฟอร์มอย่าง Binance, Bitkub หรือ Bybit รองรับ Buy Stop Limit กลไกคล้ายกัน แต่คริปโตผันผวนสูง ต้องตั้ง Limit Price ให้เหมาะ ถ้าแคบเกินอาจไม่เติมเต็มบ่อย สภาพคล่องแตกต่างตามเหรียญ ควรเช็คปริมาณเทรด Binance Academy มีคำอธิบายดีเกี่ยวกับ Stop-Limit ในคริปโต
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยและวิธีหลีกเลี่ยงเมื่อใช้ Buy Stop Limit
แม้ Buy Stop Limit จะมีประโยชน์ แต่หลายคนมักพลาดตรงจุดเหล่านี้
- ตั้ง Limit Price แคบเกินไป: ถ้าช่วงระหว่าง Stop Price กับ Limit Price แคบ ในตลาดผันผวน ราคาอาจพุ่งผ่านไป วิธีแก้ไข: ให้ช่วงกว้างพอ โดยดูจากความผันผวนเฉลี่ยของสินทรัพย์
- ไม่เข้าใจทิศทางของคำสั่ง: สับสนกับ Sell Stop Limit หรือ Buy Limit วิธีแก้ไข: ทบทวนนิยามและการทำงาน Buy Stop Limit สำหรับซื้อเมื่อราคาขึ้นผ่านจุด
- ใช้โดยไม่คำนึงถึงสภาพคล่อง: กับสินทรัพย์สภาพคล่องต่ำ อาจไม่เติมเต็มหรือได้ราคาไม่ดี วิธีแก้ไข: เช็คปริมาณเทรดและสภาพคล่องก่อน
- ไม่ใช้ร่วมกับการบริหารความเสี่ยง: คิดว่า Buy Stop Limit พอแล้ว ไม่ตั้ง Stop Loss หรือ Take Profit วิธีแก้ไข: มองเป็นส่วนหนึ่งของแผนใหญ่ มี Stop Loss และ Take Profit ชัดเจนทุกเทรด
สรุป: Buy Stop Limit เครื่องมือสำคัญสำหรับนักเทรด
Buy Stop Limit คือเครื่องมือทรงพลังสำหรับนักเทรดที่ต้องการควบคุมราคาเข้าซื้อในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อทะลุแนวต้าน การเข้าใจ Stop Price กับ Limit Price รวมถึงความต่างจากคำสั่งอื่น จะช่วยให้ใช้ได้เต็มประสิทธิภาพ
แม้ช่วยลด slippage และวางแผนเทรดได้แม่นยำ แต่ต้องระวังไม่เติมเต็มถ้าราคาเคลื่อนเร็ว การนำ Buy Stop Limit ผสานกับจัดการความเสี่ยง เลือกระยะราคาเหมาะสม และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาด จะนำไปสู่ความสำเร็จ ไม่ว่าจะในฟอเร็กซ์หรือคริปโต ขอให้ทุกท่านนำไปใช้อย่างรอบคอบและพัฒนาทักษะต่อเนื่อง
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. คำสั่ง Buy Stop Limit คืออะไร และทำงานอย่างไร?
คำสั่ง Buy Stop Limit คือคำสั่งซื้อขายที่รวมเอาคุณสมบัติของ Buy Stop และ Buy Limit เข้าไว้ด้วยกัน โดยจะถูกกระตุ้นเมื่อราคาตลาดถึง Stop Price ที่กำหนดไว้ จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นคำสั่ง Buy Limit ที่ Limit Price ซึ่งหมายความว่าระบบจะพยายามซื้อสินทรัพย์ให้คุณที่ราคาเท่ากับหรือต่ำกว่า Limit Price นั้น
2. อะไรคือความแตกต่างหลักระหว่าง Buy Stop Limit, Buy Stop และ Buy Limit?
- Buy Stop Limit: เมื่อถูกกระตุ้นที่ Stop Price จะกลายเป็น Buy Limit เพื่อจำกัดราคาซื้อสูงสุด
- Buy Stop: เมื่อถูกกระตุ้นที่ Stop Price จะกลายเป็น Market Order ซื้อที่ราคาตลาด ณ ขณะนั้น
- Buy Limit: ใช้เพื่อซื้อในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาดปัจจุบัน
3. ควรใช้ Buy Stop Limit เมื่อใด และในสถานการณ์ใดบ้าง?
ควรใช้ Buy Stop Limit เมื่อคุณคาดการณ์ว่าราคาจะพุ่งขึ้นหลังจากทะลุจุดสำคัญ เช่น แนวต้าน และคุณต้องการเข้าซื้อเพื่อเกาะไปกับเทรนด์ขาขึ้นนั้น โดยยังคงต้องการควบคุมราคาซื้อสูงสุดเพื่อลดความเสี่ยงจาก Slippage
4. การตั้งค่า Stop Price และ Limit Price ที่เหมาะสมสำหรับ Buy Stop Limit ควรเป็นอย่างไร?
โดยทั่วไป Stop Price ควรถูกตั้งไว้เหนือราคาตลาดปัจจุบัน และมักจะอยู่เหนือแนวต้านเล็กน้อยเพื่อยืนยันการทะลุ ส่วน Limit Price ควรเท่ากับหรือสูงกว่า Stop Price เล็กน้อย เพื่อให้มีช่วงราคาที่คำสั่งจะถูกเติมเต็มได้ โดยพิจารณาจากความผันผวนของสินทรัพย์และสภาพคล่องของตลาด
5. Buy Stop Limit มีข้อดีและข้อเสียอะไรบ้าง?
- ข้อดี: ควบคุมราคาเข้าได้แม่นยำขึ้น, ลดความเสี่ยง Slippage, ช่วยวางแผนการซื้อขายล่วงหน้า
- ข้อเสีย: อาจไม่ถูกเติมเต็มหากราคาเคลื่อนที่เร็วเกินไป, มีความซับซ้อนในการทำความเข้าใจ
6. มีความเสี่ยงอะไรบ้างที่ควรทราบเมื่อใช้คำสั่ง Buy Stop Limit?
ความเสี่ยงหลักคือคำสั่งอาจไม่ถูกเติมเต็ม (Not Filled) หากราคาตลาดพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินกว่า Limit Price ที่คุณกำหนดไว้ นอกจากนี้ การตั้งค่าที่ไม่เหมาะสมก็อาจนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่พึงประสงค์ได้
7. สามารถใช้ Buy Stop Limit ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้หรือไม่ เช่น บน Bitkub?
ได้ แพลตฟอร์มการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีส่วนใหญ่ รวมถึง Bitkub มีคำสั่ง Buy Stop Limit ให้บริการ ซึ่งทำงานในลักษณะเดียวกันกับตลาดอื่นๆ แต่ควรพิจารณาถึงความผันผวนที่สูงกว่าของตลาดคริปโต
8. หากคำสั่ง Buy Stop Limit ไม่ถูกเติมเต็ม (Not Filled) จะเกิดอะไรขึ้น?
หากคำสั่ง Buy Stop Limit ไม่ถูกเติมเต็มเนื่องจากราคาตลาดสูงกว่า Limit Price ที่คุณกำหนดไว้ คำสั่งนั้นจะยังคงอยู่ในสถานะรอ (Open) จนกว่าจะมีการจับคู่ ยกเลิก หรือหมดอายุ (ขึ้นอยู่กับประเภทของคำสั่ง เช่น GTC – Good Till Cancelled)
9. Buy Stop Limit แตกต่างจาก Sell Stop Limit อย่างไร?
Buy Stop Limit ใช้เพื่อเข้าซื้อเมื่อราคาเคลื่อนที่ขึ้นถึงจุดที่กำหนด ในขณะที่ Sell Stop Limit ใช้เพื่อขายออกเมื่อราคาเคลื่อนที่ลงถึงจุดที่กำหนด โดยทั้งคู่มีกลไกการจำกัดราคาที่คล้ายกันแต่ในทิศทางตรงกันข้าม
10. มีข้อผิดพลาดทั่วไปอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อใช้ Buy Stop Limit?
- ตั้ง Limit Price แคบเกินไป
- ไม่เข้าใจทิศทางของคำสั่ง
- ใช้โดยไม่คำนึงถึงสภาพคล่องของสินทรัพย์
- ไม่ใช้ร่วมกับการบริหารความเสี่ยงโดยรวม เช่น การตั้ง Stop Loss