บริกส์ คือ การเติบโตของขั้วอำนาจเศรษฐกิจใหม่ และยุทธศาสตร์ของไทยในเวทีโลก

บริกส์: การเติบโตของขั้วอำนาจเศรษฐกิจใหม่ และยุทธศาสตร์ของไทยในเวทีโลก

ในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจกลุ่มประเทศบริกส์ (BRICS) ได้ก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คุณในฐานะนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจในภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลก อาจกำลังเฝ้าจับตามองการเคลื่อนไหวของกลุ่มนี้ด้วยความสนใจใช่ไหมครับ? การขยายตัวของบริกส์ ไม่ใช่เพียงแค่การเพิ่มจำนวนสมาชิก แต่เป็นการส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงดุลอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองที่กำลังก่อตัวขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งแน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วน รวมถึงประเทศไทยของเราด้วย

บทความนี้เราจะมาเจาะลึกถึงแก่นแท้ของกลุ่มบริกส์ ทำความเข้าใจถึงต้นกำเนิด พลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่ซ่อนอยู่ ประเด็นความท้าทายที่ต้องเผชิญ รวมถึงโอกาสและความท้าทายที่ประเทศไทยจะได้รับจากการเข้าร่วมเป็น “ประเทศหุ้นส่วน” เราจะสำรวจว่าทำไมกลุ่มประเทศเหล่านี้จึงรวมตัวกัน และกำลังสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อระเบียบโลกเดิมอย่างไร พร้อมทั้งวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ที่ไทยควรดำเนินการเพื่อคว้าโอกาสและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ได้อย่างชาญฉลาด.

การแสดงภาพประกอบของกลุ่มประเทศบริกส์ที่ร่วมมือกัน

บริกส์คืออะไร: จากแนวคิดสู่มหาอำนาจทางเศรษฐกิจที่กำลังปรับเปลี่ยนโลก

จุดเริ่มต้นของกลุ่มบริกส์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเดิมว่า BRIC มาจากแนวคิดของนายจิม โอนีลล์ นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารเพื่อการลงทุนโกลด์แมน แซคส์ ผู้ซึ่งมองเห็นศักยภาพทางเศรษฐกิจมหาศาลของ 4 ประเทศกำลังพัฒนา ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย และ จีน ในปี 2544 เขาทํานายว่าภายในปี 2050 เศรษฐกิจของกลุ่ม BRIC จะมีขนาดแซงหน้ากลุ่ม G7 และจะเป็นผู้ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจโลก ในช่วงแรก คำว่า BRIC เป็นเพียงการจัดหมวดหมู่ทางเศรษฐกิจ แต่ด้วยความตระหนักถึงพลังร่วมกัน ประเทศเหล่านี้จึงตัดสินใจยกระดับความสัมพันธ์ขึ้นเป็นกลุ่มความร่วมมืออย่างเป็นทางการในปี 2549 ด้วยการจัดการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่เมืองเยคาเตรินบุร์ก ประเทศรัสเซีย

ในปี 2553 แอฟริกาใต้ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกคนที่ห้า ทำให้กลุ่มเปลี่ยนชื่อเป็น BRICS อย่างที่เราคุ้นเคยในปัจจุบัน การเพิ่มแอฟริกาใต้เข้ามาไม่เพียงแต่ขยายขอบเขตทางภูมิศาสตร์ไปยังทวีปแอฟริกาเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความหลากหลายทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ของกลุ่มให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น สิ่งที่เราเห็นในวันนี้คือกลุ่มประเทศที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความคล้ายคลึงทางเศรษฐกิจในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่มีอัตราการเติบโตสูง แต่ยังมีความมุ่งมั่นร่วมกันในการสร้างระเบียบโลกใหม่แบบพหุภาคี ที่ลดการพึ่งพิงอำนาจเดียว และส่งเสริมการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองให้สมดุลยิ่งขึ้น คุณคิดว่าการรวมตัวกันของประเทศเหล่านี้จะสามารถท้าทายอำนาจเก่าของโลกตะวันตกได้มากน้อยเพียงใดกัน?

บริกส์ถือกำเนิดขึ้นบนพื้นฐานความเชื่อที่ว่าเศรษฐกิจโลกไม่ควรถูกครอบงำโดยประเทศพัฒนาแล้วเพียงไม่กี่ประเทศ แต่ควรเปิดโอกาสให้ประเทศกำลังพัฒนาได้มีบทบาทและเสียงที่ดังขึ้นบนเวทีโลก นี่คือหัวใจสำคัญของภารกิจของบริกส์ ซึ่งสะท้อนผ่านการก่อตั้งและวิวัฒนาการของกลุ่มมาจนถึงปัจจุบัน.

การขยายตัวของบริกส์: BRICS+ กับสมาชิกใหม่ 5 ชาติ และพลวัตใหม่ของอำนาจโลก

สิ่งที่เป็นประเด็นร้อนแรงที่สุดและกำลังจะมีผลกระทบต่อบริกส์ในปัจจุบันคือการขยายสมาชิก การประชุมสุดยอดบริกส์ครั้งที่ 15 ที่เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อเดือนสิงหาคม 2566 ได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการประกาศรับสมาชิกใหม่ถึง 6 ประเทศ ได้แก่ อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และอาร์เจนตินา ซึ่งมีผลอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป (แม้ว่าอาร์เจนตินาภายใต้การนำของประธานาธิบดีคนใหม่ นายฮาเวียร์ มิเล จะถอนตัวในภายหลังก็ตาม)

การขยายตัวนี้ทำให้จำนวนสมาชิกของบริกส์เพิ่มขึ้นเป็น 10 ประเทศ ทำให้เกิดคำนิยามใหม่ว่า BRICS+ หรือ บริกส์พลัส การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นการเพิ่มขนาดและอิทธิพลของกลุ่มให้กว้างขวางขึ้นอย่างก้าวกระโดด ประเทศสมาชิกใหม่เหล่านี้ล้วนมีความสำคัญทางภูมิศาสตร์และเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อย่างซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ซึ่งจะเสริมสร้างบทบาทของบริกส์ในตลาดพลังงานโลก หรือประเทศที่มีประชากรหนาแน่นและมีบทบาททางยุทธศาสตร์ในภูมิภาคต่างๆ เช่น อียิปต์และเอธิโอเปีย

ศ.ปาดเรจ คาร์โมดี จากมหาวิทยาลัยทรินิตี คอลเลจ ดับบลิน ได้ให้มุมมองที่น่าสนใจว่า “การขยายตัวของกลุ่มบริกส์ เป็นการตอกย้ำถึงความต้องการของประเทศใน Global South ที่ต้องการระเบียบโลกที่สมดุลและมีความหลากหลายมากขึ้น” คุณเห็นด้วยกับมุมมองนี้ไหมครับ? การเพิ่มจำนวนสมาชิกสะท้อนให้เห็นว่ามีหลายประเทศทั่วโลกที่ต้องการลดการพึ่งพิงขั้วอำนาจตะวันตกและมองหาทางเลือกใหม่ๆ ในการสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมือง ซึ่งบริกส์ได้กลายเป็นเวทีที่สำคัญสำหรับพวกเขา

การขยายตัวนี้ยังสร้างความท้าทายภายในกลุ่มเองด้วย เนื่องจากสมาชิกใหม่แต่ละรายก็มีความสนใจและเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป การรักษาสมดุลและเอกภาพของกลุ่มจึงเป็นสิ่งสำคัญที่บริกส์จะต้องจัดการต่อไป.

ประเทศสมาชิก BRICS ปีเข้าร่วม
บราซิล 2549
รัสเซีย 2549
อินเดีย 2549
จีน 2549
แอฟริกาใต้ 2553
อียิปต์ 2567
เอธิโอเปีย 2567
อิหร่าน 2567
ซาอุดีอาระเบีย 2567
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2567
อาร์เจนตินา 2567

พลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของบริกส์: ขนาด ประชากร และอิทธิพลในตลาดโลก

การก้าวขึ้นมาของบริกส์ไม่ได้เป็นเพียงแค่เรื่องของการเมือง แต่เป็นเรื่องของพลังทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้อย่างแท้จริง หลังจากที่การขยายตัวเกิดขึ้น สมาชิก 10 ประเทศของบริกส์พลัสมีประชากรรวมกันกว่า 3.5-4 พันล้านคน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมหาศาลถึง 45-50% ของประชากรโลก คุณลองจินตนาการดูสิว่านี่คือขนาดตลาดที่ใหญ่โตเพียงใด! และในด้านมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมกัน กลุ่มบริกส์มีขนาดเศรษฐกิจรวมกว่า 28.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 28% ของเศรษฐกิจโลก นี่แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลทางเศรษฐกิจของบริกส์ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในระดับภูมิภาคอีกต่อไป แต่มีนัยยะสำคัญต่อเศรษฐกิจโลกโดยรวม

นอกเหนือจากขนาดของประชากรและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ที่น่าประทับใจแล้ว บริกส์ยังมีบทบาทสำคัญในฐานะผู้ผลิตพลังงานรายใหญ่ของโลก โดยเป็นผู้ผลิตน้ำมันดิบประมาณ 44% ของตลาดโลก นี่คือพลังต่อรองที่สำคัญยิ่งในเวทีโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ราคาพลังงานมีความผันผวนและส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ความสามารถในการควบคุมปริมาณและอุปทานน้ำมันดิบขนาดนี้ทำให้บริกส์มีอิทธิพลอย่างมากในการกำหนดทิศทางตลาดพลังงานโลก และยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างอิทธิพลทางภูมิรัฐศาสตร์อีกด้วย

คุณจะเห็นได้ว่าการรวมตัวกันของประเทศเหล่านี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ศักยภาพการเติบโตที่สูง แต่ยังมาพร้อมกับอำนาจทางทรัพยากรและกำลังซื้อที่ไม่อาจมองข้ามได้ นี่คือพลังที่ทำให้บริกส์สามารถท้าทายอำนาจเก่าๆ และสร้างระเบียบเศรษฐกิจใหม่ๆ ขึ้นมาได้ ในอนาคตเราอาจเห็นการค้าภายในกลุ่มบริกส์ที่เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจของสมาชิกและลดการพึ่งพิงคู่ค้าภายนอกได้มากขึ้น นั่นหมายถึงโอกาสใหม่ๆ สำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการไทยในการเข้าถึงตลาดขนาดใหญ่นี้ด้วยเช่นกัน

พลังขับเคลื่อนของบริกส์ สัดส่วนในตลาดโลก
ประชากร 45-50%
ขนาดเศรษฐกิจรวม 28%
การผลิตน้ำมันดิบ 44%

ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (NDB): เครื่องมือทางการเงินที่ท้าทายสถาบันเดิม

นอกเหนือจากความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการเมืองแล้ว บริกส์ยังได้สร้างสถาบันทางการเงินของตนเองขึ้นมา นั่นคือธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (New Development Bank – NDB) ซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการเป็นแหล่งเงินกู้เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและโครงการพัฒนาที่ยั่งยืนในประเทศกำลังพัฒนา ทั้งในกลุ่มสมาชิกบริกส์และประเทศอื่นๆ NDB ถือเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของบริกส์ในการสร้างทางเลือกทางการเงินที่แตกต่างไปจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศที่อยู่ภายใต้อิทธิพลของชาติตะวันตก เช่น ธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)

คุณครีออน บัทเลอร์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันนานาชาติเพื่อการศึกษาเชิงยุทธศาสตร์ (IISS) ชี้ว่า NDB กำลังกลายเป็น “แหล่งเงินทุนทางเลือก” ที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับประเทศใน Global South ที่อาจเผชิญกับเงื่อนไขที่เข้มงวด หรือข้อจำกัดทางการเมืองเมื่อกู้ยืมจากสถาบันการเงินดั้งเดิม จนถึงปัจจุบัน NDB ได้อนุมัติเงินกู้ไปแล้วกว่า 3.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือเป็นจำนวนที่น่าประทับใจ และแสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการเป็นผู้เล่นหลักในเวทีการเงินเพื่อการพัฒนา คุณคิดว่า NDB จะสามารถเติบโตขึ้นมาทัดเทียมหรือแข่งขันกับสถาบันการเงินระดับโลกอื่นๆ ได้ในอนาคตหรือไม่?

สิ่งที่น่าสนใจคือ NDB ไม่ได้จำกัดการให้เงินกู้แก่สมาชิกบริกส์เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสให้ประเทศนอกกลุ่มบริกส์สามารถเข้าร่วมเป็นสมาชิกและเข้าถึงเงินกู้ได้ด้วย นี่คือการแสดงให้เห็นถึงความเปิดกว้างและวิสัยทัศน์ของบริกส์ในการสร้างระบบพหุภาคีที่ครอบคลุมและเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น การมี NDB เป็นของตัวเอง ทำให้บริกส์มีเครื่องมือในการส่งเสริมวาระการพัฒนาของตนเอง และลดการพึ่งพิงอำนาจทางการเงินจากภายนอก ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างอำนาจต่อรองและเอกราชทางเศรษฐกิจในระยะยาว หากคุณเป็นนักลงทุนที่สนใจในตลาดเกิดใหม่ หรือกำลังมองหาโอกาสในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและพลังงานหมุนเวียน NDB อาจเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่น่าจับตา เนื่องจากเงินทุนที่ไหลเวียนผ่านธนาคารนี้ย่อมสร้างโอกาสทางธุรกิจและการลงทุนในประเทศกำลังพัฒนาอย่างมหาศาล

ปี จำนวนเงินกู้ (ดอลลาร์สหรัฐ)
2557 2 พันล้าน
2558 10 พันล้าน
2560 6 พันล้าน
2565 15 พันล้าน
2567 3.2 หมื่นล้าน

บริกส์ในบริบทภูมิรัฐศาสตร์: การสร้างสมดุลอำนาจและการลดการพึ่งพาตะวันตก

บริกส์ไม่ได้เป็นเพียงแค่กลุ่มเศรษฐกิจ แต่เป็นเวทีที่สำคัญในการปรับเปลี่ยนภูมิทัศน์ทางภูมิรัฐศาสตร์ของโลก เมื่อเรามองลึกลงไป เราจะเห็นว่ากลุ่มนี้ถูกมองว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่สำคัญในการลดการพึ่งพิงชาติตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากสหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรป นี่คือหัวใจสำคัญของวาระการทำงานของบริกส์ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รัสเซียถูกมาตรการคว่ำบาตรอย่างหนักจากการบุกโจมตียูเครน

จีน ซึ่งเป็นสมาชิกที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่ม มีเป้าหมายชัดเจนในการสร้างอิทธิพลใน Global South โดยเฉพาะในทวีปแอฟริกาและละตินอเมริกา จีนใช้เวทีบริกส์เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการเมืองกับประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ โดยเสนอทางเลือกในการพัฒนาที่แตกต่างไปจากรูปแบบตะวันตก ในขณะเดียวกัน รัสเซียใช้บริกส์เป็นเวทีสำคัญในการต่อสู้กับชาติตะวันตก และพยายามเอาชนะมาตรการคว่ำบาตรที่ถูกกำหนดขึ้น การที่รัสเซียเป็นประธานกลุ่มบริกส์ในปี 2567 ยิ่งเน้นย้ำถึงบทบาทนี้ และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัสเซียในการเสริมสร้างอำนาจของกลุ่มเพื่อลดผลกระทบจากการโดดเดี่ยวทางเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่าการขยายตัวของบริกส์กำลังนำไปสู่การแบ่งขั้วอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองที่ชัดเจนขึ้นในระดับโลก จากเดิมที่เราเคยคุ้นชินกับโลกที่นำโดยประเทศตะวันตก วันนี้เรากำลังเห็นการเกิดขึ้นของระเบียบโลกใหม่แบบพหุภาคีที่หลากหลายมากขึ้น บริกส์กำลังกลายเป็นเสาหลักของ “ขั้วอำนาจตะวันออก” หรือ “ขั้วอำนาจทางใต้” ที่ท้าทายสถานะเดิมของ G7 และแม้กระทั่ง G20 คุณคิดว่าการแบ่งขั้วนี้จะนำไปสู่ความร่วมมือหรือความขัดแย้งที่มากขึ้นกันแน่?

การเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้แปลว่าบริกส์จะต่อต้านชาติตะวันตกโดยสิ้นเชิง แต่เป็นการพยายามสร้างสมดุลและทางเลือก เพื่อให้ประเทศต่างๆ มีอิสระในการดำเนินนโยบายและเลือกคู่ค้าได้มากขึ้น นี่คือภูมิทัศน์ใหม่ที่นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายต้องทำความเข้าใจอย่างถ่องแท้ เพื่อที่จะวางแผนกลยุทธ์ได้อย่างเหมาะสมในโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว หากคุณกำลังพิจารณาที่จะเริ่มต้นการซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (Forex) หรือสำรวจผลิตภัณฑ์สัญญาซื้อขายส่วนต่าง (CFD) ที่หลากหลายยิ่งขึ้น Moneta Markets คือแพลตฟอร์มที่น่าสนใจและควรค่าแก่การพิจารณา แพลตฟอร์มนี้มีต้นกำเนิดจากออสเตรเลียและนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินมากกว่า 1,000 รายการ เหมาะสำหรับทั้งนักลงทุนมือใหม่และนักลงทุนมืออาชีพ.

ความท้าทายของดอลลาร์: แนวคิดสกุลเงินร่วมบริกส์และความเป็นไปได้

หนึ่งในประเด็นที่สร้างความสนใจและเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดเกี่ยวกับบริกส์คือแนวคิดในการสร้างสกุลเงินร่วม เพื่อลดการพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐในการค้าและการเงินระหว่างประเทศ คุณคงทราบดีว่าปัจจุบันเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ในการสำรองระหว่างประเทศและการค้าระหว่างประเทศทั่วโลก ซึ่งทำให้สหรัฐฯ มีอิทธิพลมหาศาลต่อระบบการเงินโลก แนวคิดของสกุลเงินบริกส์จึงเป็นความพยายามที่จะท้าทายอำนาจนี้ และสร้างทางเลือกใหม่ในการชำระเงิน

บราซิลและรัสเซียเป็นสองประเทศที่ผลักดันแนวคิดนี้อย่างแข็งขัน โดยมีเป้าหมายเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการที่สหรัฐฯ ใช้ดอลลาร์เป็นเครื่องมือในการลงโทษทางเศรษฐกิจ หรือที่เรียกว่า “การใช้อาวุธทางการเงิน” อย่างไรก็ตาม แม้จะมีการพูดคุยกันอย่างต่อเนื่อง แต่แนวคิดสกุลเงินร่วมบริกส์ยังไม่เป็นรูปธรรมและมีความท้าทายสูงมาก คุณคิดว่าอะไรคืออุปสรรคสำคัญ?

ความท้าทายหลักๆ ได้แก่:

  • ความแตกต่างทางเศรษฐกิจ: สมาชิกบริกส์มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจอย่างมาก ทั้งในด้านขนาด โครงสร้าง และนโยบายเศรษฐกิจ การจะหาสกุลเงินกลางที่ทุกประเทศยอมรับและสามารถจัดการได้ร่วมกันจึงเป็นเรื่องยาก
  • ความน่าเชื่อถือ: การสร้างสกุลเงินใหม่ที่ได้รับความเชื่อถือในระดับโลกต้องใช้เวลาและการสะสมทุนสำรองมหาศาล
  • อำนาจของจีน: หากมีการสร้างสกุลเงินร่วมขึ้นมา จีนซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในกลุ่มอาจมีบทบาทที่โดดเด่นเกินไป ซึ่งอาจสร้างความไม่สบายใจให้กับสมาชิกอื่นๆ
  • การตอบโต้จากสหรัฐฯ: สหรัฐฯ ได้จับตาดูความเคลื่อนไหวนี้อย่างใกล้ชิด และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคยเตือนว่าหากบริกส์พยายามลดบทบาทดอลลาร์ ก็อาจถูกตอบโต้ด้วยมาตรการต่างๆ เช่น ภาษีนำเข้า เป็นต้น

แม้ว่าสกุลเงินร่วมอาจยังไม่เกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ แต่บริกส์กำลังพยายามเพิ่มการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าระหว่างสมาชิก ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ทำได้จริงและกำลังดำเนินการอยู่ สิ่งนี้จะช่วยลดการพึ่งพาดอลลาร์ในระยะสั้น และเป็นการปูทางสำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบการเงินระหว่างประเทศในระยะยาว หากคุณเป็นนักลงทุนในตลาด Forex การติดตามความเคลื่อนไหวของการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในกลุ่มบริกส์จะเป็นสิ่งสำคัญ เพราะมันสามารถส่งผลกระทบต่ออัตราแลกเปลี่ยนและความผันผวนของตลาดได้.

รัสเซียในฐานะประธานปี 2567: วาระและเป้าหมายในการเสริมสร้างอำนาจบริกส์

ปี 2567 เป็นปีที่รัสเซียรับหน้าที่เป็นประธานกลุ่มบริกส์ ซึ่งนับเป็นช่วงเวลาสำคัญอย่างยิ่งสำหรับกลุ่มนี้ คุณทราบหรือไม่ว่ารัสเซียมีวาระและเป้าหมายที่ชัดเจนในการขับเคลื่อนบริกส์ภายใต้การนำของตนเอง? ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้แถลงเป้าหมายหลักในการเป็นประธานกลุ่มบริกส์ในปีนี้ โดยเน้นย้ำถึงความพยายามที่จะเพิ่มบทบาทของกลุ่มในเวทีการเงินระหว่างประเทศ และลดการพึ่งพาเงินดอลลาร์สหรัฐ

วาระสำคัญที่รัสเซียต้องการผลักดันท่ามกลางสภาพความขัดแย้งกับชาติตะวันตก ประกอบด้วย:

  • การพัฒนาความร่วมมือทางธนาคาร: รัสเซียต้องการเสริมสร้างบทบาทของ NDB และส่งเสริมการเชื่อมโยงระบบการชำระเงินระหว่างประเทศสมาชิก เพื่ออำนวยความสะดวกในการค้าและการลงทุนโดยไม่ต้องผ่านระบบที่ควบคุมโดยชาติตะวันตก
  • ขยายการใช้สกุลเงินท้องถิ่น: นี่คือเป้าหมายหลักที่ต่อเนื่องมาจากปีก่อนๆ รัสเซียต้องการให้ประเทศสมาชิกบริกส์หันมาใช้สกุลเงินของตนเองในการค้าทวิภาคีและพหุภาคีมากขึ้น เพื่อลดความเสี่ยงจากมาตรการคว่ำบาตรและสร้างเอกราชทางเศรษฐกิจ
  • การสร้าง “ระบบพหุภาคีที่มีความเป็นธรรม”: รัสเซียใช้เวทีบริกส์ในการต่อต้านการรวมกลุ่มแบบปิด และส่งเสริมการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมือง เพื่อให้ทุกประเทศมีโอกาสและบทบาทเท่าเทียมกันบนเวทีโลก
  • การหารือประเด็นโลก: นอกจากเรื่องเศรษฐกิจ รัสเซียยังต้องการให้บริกส์เป็นเวทีในการหารือประเด็นสำคัญระดับโลกอื่นๆ เช่น ความมั่นคงด้านอาหาร พลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

การที่รัสเซียเป็นประธานท่ามกลางความขัดแย้งกับชาติตะวันตก ทำให้บทบาทของบริกส์ยิ่งถูกจับตามอง การที่รัสเซียสามารถใช้เวทีนี้เพื่อส่งเสริมวาระของตนเองได้ สะท้อนให้เห็นถึงความล้มเหลวของมาตรการคว่ำบาตรบางส่วน และการที่หลายประเทศยังคงมองเห็นประโยชน์จากการทำงานร่วมกับรัสเซียผ่านกรอบความร่วมมือนี้ สำหรับนักลงทุน การจับตาดูวาระของรัสเซียในบริกส์จะช่วยให้เราเข้าใจทิศทางของการเปลี่ยนแปลงระเบียบการเงินโลก และคาดการณ์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อตลาดสินทรัพย์ต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น

ประเทศไทยกับบริกส์: เหตุใดเราจึงเข้าร่วมและสถานะ “ประเทศหุ้นส่วน”

มาถึงประเด็นที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด นั่นคือประเทศไทย เหตุใดเราจึงตัดสินใจเข้าร่วมกลุ่มบริกส์? และสถานะ “ประเทศหุ้นส่วน” ที่เราได้รับหมายถึงอะไร?

ประเทศไทยได้สมัครเข้าเป็นสมาชิกกลุ่มบริกส์ตั้งแต่ต้นปี 2566 และได้รับข่าวดีว่าได้รับการตอบรับเป็น “ประเทศหุ้นส่วน” (BRICS Partner) อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 นี่คือการเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญของไทยในเวทีโลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลที่ต้องการปรับสมดุลภูมิรัฐศาสตร์เศรษฐกิจของไทย และเพิ่มทางเลือกในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ

คุณอาจสงสัยว่าทำไมไทยจึงสนใจบริกส์ ทั้งที่เรามีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับชาติตะวันตกอยู่แล้ว? เหตุผลหลักๆ มีดังนี้:

  • การกระจายความเสี่ยง: ในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวน การพึ่งพาตลาดหรือคู่ค้าเพียงไม่กี่รายมีความเสี่ยงสูง การเข้าร่วมบริกส์เป็นการเปิดประตูสู่ตลาดและแหล่งเงินทุนใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ
  • การเพิ่มอำนาจต่อรอง: การเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มประเทศขนาดใหญ่ที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจ ย่อมช่วยเพิ่มอำนาจต่อรองของไทยในเวทีโลก และทำให้เรามีเสียงที่ดังขึ้นในการกำหนดกติกาการค้าระหว่างประเทศ
  • เข้าถึงตลาดเกิดใหม่: สมาชิกบริกส์หลายประเทศเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีศักยภาพการเติบโตสูง การเข้าร่วมจะช่วยให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยสามารถเข้าถึงตลาดเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ
  • การเข้าถึงแหล่งเงินทุนทางเลือก: การเป็นสมาชิกหรือประเทศหุ้นส่วนของบริกส์อาจเปิดโอกาสให้ไทยสามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนจาก NDB ซึ่งเป็นทางเลือกจากสถาบันการเงินดั้งเดิม
  • รักษาสมดุล: ในยุคที่โลกกำลังแบ่งขั้ว การที่ไทยเข้าไปมีส่วนร่วมกับทั้งสองขั้วอำนาจ (ตะวันตกและบริกส์) เป็นการรักษาสมดุลและไม่เลือกข้าง ทำให้เราสามารถดำเนินนโยบายต่างประเทศได้อย่างอิสระและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ

สถานะ “ประเทศหุ้นส่วน” อาจไม่ใช่สมาชิกเต็มรูปแบบในทันที แต่เป็นก้าวแรกที่สำคัญ ซึ่งหมายความว่าไทยจะสามารถเข้าร่วมการประชุมบางส่วน และมีส่วนร่วมในโครงการความร่วมมือต่างๆ ของบริกส์ได้ ซึ่งเป็นการปูทางไปสู่การเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบในอนาคต หากเราแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความมุ่งมั่นในการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มนี้.

โอกาสทางเศรษฐกิจสำหรับไทย: การค้า การลงทุน และแหล่งเงินทุนใหม่ในกลุ่มบริกส์

การเข้าร่วมเป็น “ประเทศหุ้นส่วน” ของบริกส์ ถือเป็นข่าวดีและเป็นโอกาสทองสำหรับเศรษฐกิจไทยหลายประการ คุณในฐานะนักลงทุนหรือผู้ประกอบการ ควรจะมองหาโอกาสเหล่านี้เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไป

โอกาสสำคัญสำหรับประเทศไทย ได้แก่:

  • การขยายตลาดการค้า: กลุ่มบริกส์มีประชากรรวมกันมหาศาล และมีกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง การเข้าร่วมจะเปิดประตูให้สินค้าและบริการของไทยเข้าสู่ตลาดขนาดใหญ่เหล่านี้ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศสมาชิกใหม่ เช่น ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่มีกำลังซื้อสูงและมีความต้องการสินค้าหลากหลาย
  • โอกาสการลงทุนโดยตรง: การที่ไทยเข้าไปอยู่ในกลุ่มบริกส์จะช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการลงทุนจากประเทศสมาชิกบริกส์ ซึ่งมีเงินทุนสำรองและศักยภาพในการลงทุนสูง ในขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการไทยก็จะมีโอกาสในการเข้าไปลงทุนในประเทศสมาชิกบริกส์ เพื่อแสวงหาตลาดใหม่ๆ หรือแหล่งวัตถุดิบที่หลากหลายขึ้น
  • ทางเลือกด้านแหล่งเงินทุน: ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า ธนาคารเพื่อการพัฒนาใหม่ (NDB) เป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญ การที่ไทยได้เป็นประเทศหุ้นส่วนอาจเปิดโอกาสให้เราเข้าถึงเงินกู้เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โครงการพลังงานสะอาด หรือโครงการอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาประเทศ โดยมีเงื่อนไขที่อาจยืดหยุ่นกว่าสถาบันการเงินดั้งเดิม
  • ความมั่นคงด้านอาหารและพลังงาน: สมาชิกบริกส์หลายประเทศเป็นผู้ผลิตและผู้บริโภครายใหญ่ด้านอาหารและพลังงาน การสร้างความร่วมมือที่ลึกซึ้งขึ้นจะช่วยเสริมสร้างความมั่นคงด้านอาหารและพลังงานให้กับประเทศไทยในระยะยาว ลดความผันผวนจากตลาดโลก
  • การส่งเสริมการใช้สกุลเงินท้องถิ่น: การที่บริกส์ผลักดันการใช้สกุลเงินท้องถิ่นในการค้าขาย จะช่วยลดการพึ่งพิงดอลลาร์สหรัฐ และลดความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยนดอลลาร์ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อผู้ส่งออกและผู้นำเข้าของไทย

โดยรวมแล้ว การเข้าร่วมบริกส์ถือเป็นการเพิ่มทางเลือกและขยายขอบเขตความร่วมมือทางเศรษฐกิจของไทยให้กว้างขวางและหลากหลายยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งและภูมิคุ้มกันให้กับเศรษฐกิจของเราในอนาคตอันใกล้ หากคุณกำลังมองหานายหน้าซื้อขาย Forex ที่มีการกำกับดูแลและสามารถซื้อขายได้ทั่วโลก Moneta Markets ได้รับการรับรองจากหน่วยงานกำกับดูแลหลายประเทศ เช่น FSCA, ASIC และ FSA พร้อมทั้งนำเสนอการดูแลบัญชีเงินทุนแบบทรัสต์, VPS ฟรี และฝ่ายบริการลูกค้าภาษาไทยตลอด 24/7 ทำให้เป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับเทรดเดอร์จำนวนมาก.

ความท้าทายและข้อควรระวัง: การรักษาสมดุลในโลกที่กำลังแบ่งขั้ว

แม้ว่าการเข้าร่วมบริกส์จะนำมาซึ่งโอกาสมากมาย แต่เราก็ไม่ควรมองข้ามความท้าทายและข้อควรระวังที่มาพร้อมกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ ในโลกที่กำลังแบ่งขั้วทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างชัดเจน การวางตัวของประเทศไทยต้องทำด้วยความระมัดระวังและรอบคอบ เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้น

ประเด็นที่ไทยต้องให้ความสำคัญ ได้แก่:

  • การรักษาสมดุลความสัมพันธ์กับชาติตะวันตก: ประเทศไทยมีความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุน และความมั่นคงที่แน่นแฟ้นกับสหรัฐอเมริกา ยุโรป และญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน การที่เราเข้าไปใกล้ชิดกับกลุ่มบริกส์มากเกินไป อาจถูกมองว่าเป็นการ “เลือกข้าง” ซึ่งอาจนำไปสู่ความไม่พอใจ หรือแม้กระทั่งมาตรการกีดกันทางการค้าจากคู่ค้าสำคัญเหล่านี้ได้
  • ความแตกต่างทางธรรมาภิบาลและค่านิยม: สมาชิกบริกส์บางประเทศมีระบบการปกครองและค่านิยมที่แตกต่างไปจากประชาธิปไตยตะวันตก การดำเนินความสัมพันธ์ต้องคำนึงถึงประเด็นเหล่านี้ เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งกับหลักการหรือภาพลักษณ์ของประเทศ
  • การแข่งขันภายในกลุ่ม: แม้จะมีความร่วมมือ แต่ภายในกลุ่มบริกส์เองก็มีการแข่งขันทางเศรษฐกิจด้วยเช่นกัน ไทยจะต้องวางตำแหน่งทางการค้าและการลงทุนให้ดี เพื่อไม่ให้เสียเปรียบในการแข่งขันกับสมาชิกรายอื่นๆ
  • ความผันผวนทางการเมืองของสมาชิก: สมาชิกบริกส์บางประเทศเผชิญกับความไม่มั่นคงทางการเมืองภายใน หรือมีความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความร่วมมือภายในกลุ่ม และสร้างความเสี่ยงให้กับนักลงทุนที่เข้าไปในตลาดเหล่านั้น
  • ข้อจำกัดของการเป็น “ประเทศหุ้นส่วน”: สถานะ “ประเทศหุ้นส่วน” ยังไม่ใช่สมาชิกเต็มรูปแบบ ซึ่งหมายความว่าไทยอาจยังไม่ได้รับสิทธิประโยชน์หรืออำนาจในการตัดสินใจอย่างเต็มที่ การพิจารณาว่าจะยกระดับเป็นสมาชิกเต็มรูปแบบเมื่อใดจึงเป็นเรื่องที่ต้องประเมินอย่างรอบคอบ

นายสมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์ ให้ความเห็นว่า “ไทยควรเริ่มต้นจากการเป็นผู้สังเกตการณ์ เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจกลไกและพลวัตของบริกส์ให้ลึกซึ้งก่อนที่จะตัดสินใจก้าวไปสู่ขั้นต่อไป” นี่คือมุมมองที่น่าสนใจ ที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินยุทธศาสตร์อย่างค่อยเป็นค่อยไป และประเมินสถานการณ์อย่างรอบด้าน.

อนาคตของบริกส์และบทบาทของไทย: การเตรียมพร้อมรับมือภูมิทัศน์เศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลง

การขยายตัวและการเติบโตอย่างต่อเนื่องของกลุ่มบริกส์ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระเบียบเศรษฐกิจและการเมืองโลกอย่างไม่อาจปฏิเสธได้ กลุ่มนี้ไม่ใช่เพียงแค่การรวมตัวกันของประเทศกำลังพัฒนา แต่เป็นขั้วอำนาจใหม่ที่กำลังท้าทายโครงสร้างอำนาจเดิมที่โลกเคยรู้จัก คุณในฐานะนักลงทุนหรือผู้ที่สนใจในเศรษฐกิจมหภาค จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจถึงพลวัตเหล่านี้ เพื่อที่จะสามารถวางแผนกลยุทธ์และปรับตัวให้เข้ากับภูมิทัศน์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ในอนาคต เราอาจได้เห็นบริกส์มีบทบาทที่แข็งแกร่งขึ้นในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น:

  • การค้าและการลงทุนระหว่างกันที่เพิ่มขึ้น: การใช้สกุลเงินท้องถิ่นและการลดอุปสรรคทางการค้าภายในกลุ่มจะช่วยส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศสมาชิกให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด
  • การปฏิรูปสถาบันการเงินโลก: บริกส์จะยังคงผลักดันการปฏิรูปสถาบันการเงินระหว่างประเทศ เพื่อให้สะท้อนถึงอำนาจทางเศรษฐกิจที่แท้จริงของประเทศกำลังพัฒนามากขึ้น
  • บทบาทในเวทีระหว่างประเทศอื่นๆ: บริกส์อาจขยายอิทธิพลไปยังเวทีความร่วมมือระหว่างประเทศอื่นๆ นอกเหนือจากเศรษฐกิจ เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงทางไซเบอร์ หรือประเด็นทางสังคม
  • การแข่งขันกับอำนาจเดิม: ความตึงเครียดกับชาติตะวันตกอาจยังมีอยู่ แต่บริกส์จะพยายามสร้างทางเลือกและความร่วมมือที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อให้ประเทศต่างๆ มีอิสระในการเลือกเส้นทางของตนเอง

สำหรับประเทศไทย การเข้าร่วมเป็น “ประเทศหุ้นส่วน” ของบริกส์ถือเป็นก้าวเชิงยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ไม่ใช่แค่การแสวงหาโอกาสทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการเสริมสร้างความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจ และเพิ่มทางเลือกในการดำเนินความสัมพันธ์ระหว่างประเทศในภูมิทัศน์โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราต้องเตรียมพร้อมที่จะรับมือกับทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยการรักษาสมดุลความสัมพันธ์กับทุกฝ่าย สร้างความหลากหลายให้กับเศรษฐกิจ และพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศอย่างต่อเนื่อง

ท้ายที่สุดแล้ว ความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับบริกส์ ไม่ได้เป็นเพียงความรู้ทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้คุณในฐานะนักลงทุน สามารถมองเห็นทิศทางการลงทุนในอนาคตได้อย่างชัดเจนขึ้น และเตรียมพร้อมรับมือกับทุกการเปลี่ยนแปลงในตลาดโลกที่ไม่อาจคาดเดาได้ สิ่งสำคัญคือการเรียนรู้และปรับตัวอยู่เสมอ เพื่อที่จะเป็นผู้ที่คว้าโอกาสและเติบโตไปพร้อมกับโลกที่กำลังเปลี่ยนโฉมไปอย่างไม่หยุดยั้ง.

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับbrics คือ

Q: บริกส์มีสมาชิกกี่ประเทศ?

A: ปัจจุบันบริกส์มีสมาชิก 10 ประเทศ ได้แก่ บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน แอฟริกาใต้ อียิปต์ เอธิโอเปีย อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

Q: ไทยมีสถานะอย่างไรในบริกส์?

A: ไทยมีสถานะเป็น “ประเทศหุ้นส่วน” ในกลุ่มบริกส์ ซึ่งจะสามารถเข้าร่วมในกิจกรรมบางอย่างของกลุ่มได้

Q: บริกส์มีความแตกต่างจาก G7 อย่างไร?

A: บริกส์เน้นการกระจายอำนาจทางเศรษฐกิจและการเมืองในขณะที่ G7 มักถูกมองว่าเป็นกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วที่มีอิทธิพลสูงในระบบการเงินโลก.

amctop_com

發佈留言

發佈留言必須填寫的電子郵件地址不會公開。 必填欄位標示為 *