บทนำ: เฟดขึ้นดอกเบี้ยคืออะไร? เปิดประเด็นความสำคัญที่นักลงทุนต้องรู้
การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือที่เรียกกันว่า Federal Reserve (เฟด) ในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ถือเป็นเหตุการณ์ที่ส่งผลกว้างไกลต่อเศรษฐกิจโลก ตลาดการเงิน และแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วไป สิ่งที่เรียกว่า “เฟดขึ้นดอกเบี้ย” ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงตัวเลขเศรษฐกิจธรรมดาๆ แต่เป็นสัญญาณชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของมหาอำนาจเศรษฐกิจอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งมีอิทธิพลต่อการไหลเวียนของเงินทุน ต้นทุนการกู้ยืม และความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วทุกมุมโลก ในบทความนี้ เราจะมาวิเคราะห์สาเหตุ ผลกระทบที่ตามมา และวิธีรับมือสำหรับนักลงทุนชาวไทย เพื่อช่วยให้คุณเตรียมตัวรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างมั่นใจ

เฟดขึ้นดอกเบี้ยทำไม? ปัจจัยเบื้องหลังการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ
เพื่อให้เข้าใจผลกระทบที่ตามมาจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด การรู้ถึงเหตุผลเบื้องหลังจึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญ การเคลื่อนไหวเหล่านี้มุ่งเน้นไปที่การรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ โดยเฉพาะการส่งเสริมการจ้างงานให้เต็มศักยภาพและควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม

กลไกและเป้าหมายของ Fed Funds Rate
Fed Funds Rate คืออัตราดอกเบี้ยที่ธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯ ใช้กู้ยืมเงินสำรองกันเองข้ามคืน เฟดเลือกใช้นโยบายนี้เป็นเครื่องมือหลักในการกำหนดทิศทางเศรษฐกิจ การปรับเป้าหมายของอัตรานี้จะส่งผลเป็นโดมิโนต่ออัตราดอกเบี้ยอื่นๆ ในระบบ ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับบุคคลและธุรกิจ หรือดอกเบี้ยเงินฝาก เป้าหมายหลักคือการสร้างสมดุลระหว่างการจ้างงานสูงสุดและการรักษาเงินเฟ้อให้อยู่ที่ราว 2% เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยในทางปฏิบัติ เฟดมักปรับนโยบายนี้ตามข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุด เช่น การรายงานตัวเลขเงินเฟ้อหรือการจ้างงาน เพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เฟดตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย
เฟดมักเลือกขึ้นดอกเบี้ยเมื่อเศรษฐกิจร้อนแรงเกินไปหรือเงินเฟ้อเริ่มพุ่งสูง ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาที่ควบคุมยาก ปัจจัยหลักที่เฟดพิจารณา ได้แก่:
- เงินเฟ้อสูง: นี่คือตัวกระตุ้นหลัก เมื่อราคาสินค้าและบริการพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อลดความต้องการในระบบ ทำให้การใช้จ่ายและลงทุนชะลอตัว ช่วยดึงเงินเฟ้อกลับสู่ระดับปกติ
- เศรษฐกิจเติบโตเร็วเกินศักยภาพ: ถ้าการขยายตัวของเศรษฐกิจเกินกำลังการผลิต มันอาจจุดชนวนเงินเฟ้อได้ เฟดจึงใช้ดอกเบี้ยสูงขึ้นเพื่อเบรกความร้อนแรงและรักษาการเติบโตที่ยั่งยืน
- ตลาดแรงงานตึงตัว: เมื่ออัตราการว่างงานต่ำและการจ้างงานเต็มที่ ค่าจ้างอาจพุ่งสูง สร้างแรงผลักเงินเฟ้อ เฟดจึงปรับดอกเบี้ยเพื่อคลายความตึงเครียดในตลาดแรงงาน
ตัวอย่างเช่น ในช่วงปีที่ผ่านมา เฟดเคยปรับขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้งเพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูงหลังวิกฤตโควิด ซึ่งช่วยให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ กลับสู่เส้นทางที่มั่นคงมากขึ้น
ผลกระทบของการขึ้นดอกเบี้ยเฟดต่อเศรษฐกิจโลกและไทย
การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดไม่ได้จำกัดอยู่แค่สหรัฐฯ แต่กระจายผลกระทบไปทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยที่พึ่งพาการค้าและเงินทุนจากต่างชาติ

ผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ และโลก
เมื่อดอกเบี้ยสหรัฐฯ สูงขึ้น ต้นทุนการกู้ยืมจะแพงขึ้น ส่งผลให้ธุรกิจและผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและลงทุน ซึ่งอาจนำไปสู่:
- การชะลอตัวของเศรษฐกิจ: การใช้จ่ายที่น้อยลงทำให้กิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมไม่คึกคัก
- ต้นทุนกู้ยืมสูงสำหรับทุกภาคส่วน: การกู้เงินเพื่อขยายธุรกิจหรือซื้อสินค้าขนาดใหญ่ เช่น บ้านหรือรถยนต์ จะมีภาระดอกเบี้ยมากขึ้น
- ความเสี่ยงถดถอย: ถ้าการปรับขึ้นรุนแรงเกินไป เศรษฐกิจอาจหดตัวและเข้าสู่ภาวะถดถอย
ในระดับโลก การขึ้นดอกเบี้ยนี้ทำให้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้น นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนดีกว่าในสหรัฐฯ ส่งผลให้สกุลเงินอื่นอ่อนตัวและต้นทุนนำเข้าของประเทศเหล่านั้นพุ่งสูง เช่น ในกรณีของยุโรปหรือเอเชียที่เคยเผชิญกับเงินเฟ้อนำเข้าจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น
ผลกระทบต่อค่าเงินบาทและการส่งออกของไทย
ดอลลาร์ที่แข็งค่าจากนโยบายเฟด ส่งผลให้เงินบาทอ่อนลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ซึ่งมีทั้งโอกาสและความท้าทาย:
- เงินบาทอ่อนค่า: ช่วยให้สินค้าส่งออกไทยแข่งขันได้ดีขึ้น เพราะราคาในตลาดต่างชาติถูกลง แต่ในทางตรงข้าม ต้นทุนนำเข้าสูงขึ้น โดยเฉพาะน้ำมันและวัตถุดิบที่ไทยพึ่งพามาก
- ผลต่อการส่งออกและนำเข้า: ผู้ส่งออกไทยอาจได้กำไรเพิ่ม แต่ผู้ประกอบการที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจะเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจกระทบต่ออุตสาหกรรมที่พึ่งพาการนำเข้า เช่น อิเล็กทรอนิกส์หรือยานยนต์
จากประสบการณ์ในอดีต เช่น ช่วงปี 2022 ที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยหลายครั้ง เงินบาทเคยอ่อนค่าลงเกือบ 10% ส่งผลให้การส่งออกไทยเพิ่มขึ้น แต่ก็ทำให้ราคาน้ำมันในประเทศแพงขึ้นชั่วคราว
ผลกระทบต่อตลาดหุ้น ตราสารหนี้ และอสังหาริมทรัพย์ในไทย
นโยบายเฟดมีน้ำหนักต่อตลาดการเงินไทยอย่างชัดเจน:
- ตลาดหุ้น: ดอกเบี้ยสหรัฐฯ ที่สูงอาจดึงเงินทุนออกจากตลาดเกิดใหม่อย่างไทย ไปสู่สินทรัพย์ปลอดภัยในสหรัฐฯ ทำให้ดัชนีหุ้นไทยผันผวน โดยเฉพาะหุ้นที่มีหนี้สูงหรือกลุ่มเทคโนโลยีที่มูลค่าขึ้นกับคาดการณ์อนาคต
- ตราสารหนี้: ผลตอบแทนพันธบัตรไทยมีแนวโน้มสูงขึ้นตามดอกเบี้ยโลก ราคาพันธบัตรเก่าอาจตก แต่เปิดโอกาสให้นักลงทุนใหม่ได้ผลตอบแทนดีกว่า
- อสังหาริมทรัพย์: ถ้ากนง. ปรับดอกเบี้ยตามเฟด ต้นทุนกู้ซื้อบ้านจะสูงขึ้น ส่งผลให้ความต้องการชะลอและตลาดอาจซบเซา โดยเฉพาะโครงการที่พึ่งพาการกู้ยืม
เฟดขึ้นดอกเบี้ยมีผลต่อสินทรัพย์การลงทุนอย่างไร?
การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเปลี่ยนแปลงภาพรวมการลงทุน ทำให้สินทรัพย์แต่ละประเภทตอบสนองต่างกัน นักลงทุนต้องปรับตัวเพื่อลดความเสี่ยงและหาโอกาสใหม่
หุ้น: กลุ่มไหนรอด กลุ่มไหนร่วง?
- กลุ่มที่กระทบหนัก: หุ้นเทคโนโลยีและหุ้นเติบโตมักโดนรุนแรงที่สุด เพราะมูลค่าพวกนี้ขึ้นกับกระแสเงินสดอนาคต ซึ่งดอกเบี้ยสูงทำให้มูลค่าปัจจุบันลดลง นอกจากนี้ กลุ่มที่มีหนี้เยอะก็เจอต้นทุนดอกเบี้ยเพิ่ม
- กลุ่มที่ทนทานหรือได้ประโยชน์: ธนาคารอาจกำไรจากส่วนต่างดอกเบี้ยที่กว้างขึ้น กลุ่มพลังงานหรือสินค้าโภคภัณฑ์น่าจะฮอตในยุคเงินเฟ้อ ส่วนหุ้นปันผลหรือหุ้นคุณค่าที่มีกระแสเงินสดแน่นอนและหนี้ต่ำ อาจเป็นตัวเลือกปลอดภัยกว่า
ตัวอย่างเช่น ในช่วงที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยปี 2022 หุ้นเทคอย่าง Nasdaq ลดลงมาก แต่หุ้นธนาคารในสหรัฐฯ กลับฟื้นตัวดี
ทองคำจะขึ้นหรือลงเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย?
โดยปกติ ราคาทองคำจะถูกกดดันให้ลดลงเมื่อดอกเบี้ยเฟดสูงขึ้น เพราะต้นทุนถือทอง (ที่ไม่มีดอกเบี้ย) แพงขึ้น และดอลลาร์แข็งค่า แต่ทองยังคงเป็นที่หลบภัยในยามตลาดปั่นป่วนหรือเศรษฐกิจไม่แน่นอน นักลงทุนควรดูปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจหนุนราคาทองให้พุ่ง
ตราสารหนี้: โอกาสและความเสี่ยง
ดอกเบี้ยเฟดที่สูงทำให้ตราสารหนี้ใหม่ให้ผลตอบแทนดีขึ้น แต่ตราสารเก่าที่ผลตอบแทนต่ำจะราคาตก
- พันธบัตรระยะสั้นน่าสนใจ: ปรับตัวเร็วตามนโยบายเฟด ให้โอกาสผลตอบแทนสูง
- พันธบัตรระยะยาวผันผวน: อ่อนไหวต่อดอกเบี้ยมาก อาจแกว่งแรง
นักลงทุนควรพิจารณา ladder strategy คือกระจายอายุพันธบัตรเพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวน
คริปโตเคอร์เรนซี: ความสัมพันธ์กับอัตราดอกเบี้ย
คริปโตอย่าง Bitcoin ถือเป็นสินทรัพย์เสี่ยงสูง เมื่อดอกเบี้ยขึ้น นักลงทุนมักลดความเสี่ยง ทำให้ราคาคริปโตตกตาม ดอลลาร์แข็งค่าก็ยิ่งกดราคา แต่ในระยะยาว ถ้าเงินเฟ้อยังสูง คริปโตอาจฟื้นตัวเป็นทางเลือกต่อต้านเงินเฟ้อ
แนวโน้มและการคาดการณ์: เมื่อไหร่เฟดจะขึ้นดอกเบี้ยอีก? (และจะหยุดเมื่อไหร่?)
การติดตามการเคลื่อนไหวของเฟดช่วยให้นักลงทุนวางแผนได้ดีขึ้น โดยพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจและถ้อยแถลงของเจ้าหน้าที่
ตารางการประชุมเฟดล่าสุดและครั้งต่อไป (2567-2568)
คณะกรรมการตลาดเปิด (FOMC) ของเฟดประชุมตามกำหนดและประกาศผลในวันสุดท้าย นักลงทุนควรเช็คใกล้ชิดเพื่อติดตามอัตราดอกเบี้ย ข้อมูลจากเว็บไซต์ทางการของเฟด Federal Reserve (www.federalreserve.gov) ดังตารางตัวอย่าง:
| ปี | วันประชุม (โดยประมาณ) | วันประกาศดอกเบี้ย |
|---|---|---|
| 2567 | 30-31 ม.ค. | 31 ม.ค. |
| 19-20 มี.ค. | 20 มี.ค. | |
| 30 เม.ย. – 1 พ.ค. | 1 พ.ค. | |
| 11-12 มิ.ย. | 12 มิ.ย. | |
| 30-31 ก.ค. | 31 ก.ค. | |
| 17-18 ก.ย. | 18 ก.ย. | |
| 6-7 พ.ย. | 7 พ.ย. | |
| 17-18 ธ.ค. | 18 ธ.ค. | |
| 2568 | 28-29 ม.ค. | 29 ม.ค. |
| 18-19 มี.ค. | 19 มี.ค. | |
| 29-30 เม.ย. | 30 เม.ย. | |
| 10-11 มิ.ย. | 11 มิ.ย. | |
| 29-30 ก.ค. | 30 ก.ค. | |
| 16-17 ก.ย. | 17 ก.ย. | |
| 4-5 พ.ย. | 5 พ.ย. | |
| 16-17 ธ.ค. | 17 ธ.ค. |
มุมมองและคาดการณ์จากผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการเงินชั้นนำมักคาดการณ์ทิศทางดอกเบี้ยเฟด โดยอิงข้อมูลมหภาค เช่น เงินเฟ้อ การว่างงาน และ GDP รวมถึงคำพูดของประธานเฟด ปัจจัยที่ต้องจับตา ได้แก่:
- ข้อมูลเงินเฟ้อ: ดัชนี CPI และ PPI เป็นตัววัดหลัก
- ตลาดแรงงาน: รายงานการจ้างงานนอกเกษตรและอัตราการว่างงาน
- ถ้อยแถลงประธานเฟด: คำพูดของ Jerome Powell มักบอกใบ้แนวโน้มอนาคต
ปัจจุบัน ผู้เชี่ยวชาญคาดว่าเฟดอาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยหากเงินเฟ้อเข้าใกล้เป้า 2% แต่ถ้าตัวเลขจ้างงานยังแข็งแกร่ง การปรับขึ้นอาจยังเกิดขึ้น
กลยุทธ์การลงทุนและแผนรับมือเมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยสำหรับนักลงทุนไทย
ในยุคที่ดอกเบี้ยเฟดกำลังขาขึ้น นักลงทุนไทยควรเตรียมกลยุทธ์เพื่อปกป้องพอร์ตและหาโอกาสใหม่ โดยเริ่มจากการประเมินสถานการณ์ส่วนตัว
การปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสถานการณ์ดอกเบี้ยขาขึ้น
เมื่อดอกเบี้ยสูงขึ้น ควรปรับพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยง:
- กระจายความเสี่ยง: อย่าลงทุนรวมศูนย์ ควรแบ่งไปยังหุ้น ตราสารหนี้ ทองคำ หรือสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อรับมือความผันผวน
- เลือกสินทรัพย์ที่ได้ประโยชน์: มองหาหุ้นธนาคารหรือหุ้นที่มีกระแสเงินสดแน่นอนและปรับราคาได้รับมือเงินเฟ้อ ตราสารหนี้ระยะสั้นก็ให้ผลตอบแทนดีขึ้นในช่วงนี้
นอกจากนี้ การใช้ ETF ที่ติดตามดัชนีธนาคารหรือสินค้าโภคภัณฑ์ อาจช่วยกระจายความเสี่ยงได้ง่าย
เปรียบเทียบนโยบายดอกเบี้ยเฟด vs กนง. (ธนาคารแห่งประเทศไทย)
แม้เฟดจะขึ้นดอกเบี้ย แต่กนง. ของธปท. มีอิสระตัดสินใจตามปัจจัยไทย เช่น การเติบโตและเงินเฟ้อภายใน อย่างไรก็ตาม เฟดมักกดดันให้กนง. ปรับตามเพื่อป้องกันเงินทุนไหลออกและเงินบาทอ่อนเกิน ควรติดตามการประชุมกนง. ผ่าน ธนาคารแห่งประเทศไทย (www.bot.or.th) เพื่อเข้าใจผลกระทบตรงๆ ต่อไทย
คำแนะนำการจัดการหนี้สินส่วนบุคคลและการวางแผนการเงิน
สำหรับบุคคลทั่วไป ผลจากเฟดอาจกระทบการเงินส่วนตัว:
- ผู้มีหนี้: ถ้ามีหนี้ลอยตัวอย่างสินเชื่อบ้านหรือบัตรเครดิต ดอกเบี้ยอาจพุ่ง ควรชำระหนี้ดอกเบี้ยสูงก่อน หรือรอรีไฟแนนซ์เมื่อดอกเบี้ยลง
- ผู้ต้องการออมและลงทุน: ดอกเบี้ยเงินฝากสูงขึ้นช่วยให้ออมเงินได้ผลดี ควรศึกษาการลงทุนที่เหมาะกับดอกเบี้ยขาขึ้นและเป้าหมายส่วนตัว เช่น กองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น
การวางแผนงบประมาณรายเดือนและสร้างกองทุนฉุกเฉิน จะช่วยรับมือความไม่แน่นอนได้ดี
สรุป: สิ่งที่นักลงทุนไทยควรเตรียมพร้อมในยุคดอกเบี้ยเฟดขาขึ้น
การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็นเรื่องซับซ้อนที่กระทบเศรษฐกิจโลกและการลงทุนในหลายมิติ การเข้าใจกลไก ผลต่อสินทรัพย์ และกลยุทธ์รับมือ จึงสำคัญยิ่งสำหรับนักลงทุนไทย การติดตามข่าวจากแหล่งเชื่อถือได้ การกระจายพอร์ต และปรับตัวตามสถานการณ์ จะช่วยให้คุณผ่านความผันผวนไปได้และคว้าโอกาสในยุคนี้ อย่าตกใจกับข่าว แต่ใช้ข้อมูลนำทางเพื่อตัดสินใจอย่างชาญฉลาด
คำถามที่พบบ่อย (FAQs)
1. FED ประชุมวันไหน 2567 และจะประกาศดอกเบี้ยเมื่อไหร่?
ในปี 2567 คณะกรรมการ FOMC ของเฟดมีการประชุมหลายครั้ง โดยมีการประกาศอัตราดอกเบี้ยในวันสุดท้ายของการประชุมแต่ละครั้ง คุณสามารถตรวจสอบตารางการประชุมและวันประกาศดอกเบี้ยอย่างเป็นทางการได้จากเว็บไซต์ของ Federal Reserve โดยตรง เช่น การประชุมในเดือนธันวาคม 2567 จะมีขึ้นในวันที่ 17-18 ธันวาคม และประกาศผลในวันที่ 18 ธันวาคม
2. เฟดขึ้นดอกเบี้ยมีผลยังไงต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารในไทย?
การที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารในไทยทันที แต่สร้างแรงกดดันให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ต้องพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายตาม เพื่อรักษาเสถียรภาพค่าเงินบาทและป้องกันเงินทุนไหลออก หาก กนง. ขึ้นดอกเบี้ย อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ในไทยก็จะปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย
3. ถ้าเฟดขึ้นดอกเบี้ย ทองคำจะขึ้นหรือลง?
โดยทั่วไป เมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย ราคาทองคำมักจะได้รับแรงกดดันให้ปรับตัวลง เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นทำให้ต้นทุนค่าเสียโอกาสในการถือครองทองคำสูงขึ้น และเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยในช่วงที่ตลาดมีความไม่แน่นอนสูง ซึ่งอาจช่วยพยุงราคาไว้ได้
4. FED ประกาศดอกเบี้ยล่าสุดคือเท่าไหร่ และมีผลต่อตลาดหุ้นไทยอย่างไร?
อัตราดอกเบี้ยล่าสุดจะมีการประกาศหลังการประชุม FOMC แต่ละครั้ง ซึ่งคุณสามารถตรวจสอบได้จากแหล่งข่าวทางการเงินที่น่าเชื่อถือ ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยคือ เมื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ย มักจะทำให้นักลงทุนต่างชาติโยกย้ายเงินทุนออกจากตลาดเกิดใหม่รวมถึงไทย ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยอาจมีการปรับฐานหรือมีความผันผวนสูงขึ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มที่อ่อนไหวต่อต้นทุนทางการเงิน
5. นักลงทุนควรปรับพอร์ตการลงทุนอย่างไรเมื่อเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ย?
นักลงทุนควรพิจารณาปรับพอร์ตโดยเน้นการกระจายความเสี่ยง ลดสัดส่วนในสินทรัพย์ที่มีความอ่อนไหวต่อดอกเบี้ยสูง เช่น หุ้นเทคโนโลยีหรือหุ้นเติบโต และเพิ่มน้ำหนักในสินทรัพย์ที่ทนทานต่อภาวะดอกเบี้ยขึ้นได้ดี เช่น หุ้นกลุ่มธนาคาร หุ้นคุณค่า หุ้นปันผล หรือตราสารหนี้ระยะสั้นที่ให้ผลตอบแทนสูงขึ้น
6. การที่เฟดขึ้นดอกเบี้ยส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทอย่างไร?
การขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมักจะทำให้เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนย้ายเงินทุนไปหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าในสหรัฐฯ
7. FED และ กนง. มีบทบาทต่างกันอย่างไรในการกำหนดนโยบายดอกเบี้ย?
FED (Federal Reserve) เป็นธนาคารกลางของสหรัฐอเมริกา ทำหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของสหรัฐฯ ส่วน กนง. (คณะกรรมการนโยบายการเงิน) เป็นหน่วยงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำหน้าที่กำหนดนโยบายการเงินของประเทศไทย แม้ทั้งสองจะมีบทบาทคล้ายกัน แต่ต่างฝ่ายต่างพิจารณาปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในประเทศของตนเองเป็นหลักในการตัดสินใจ
8. หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่อง จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่?
การขึ้นดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วเกินไปมีความเสี่ยงที่จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวและอาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้ เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นจะลดการใช้จ่ายและการลงทุน อย่างไรก็ตาม เฟดจะพยายามปรับนโยบายอย่างระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงสถานการณ์ดังกล่าว
9. FED ประกาศดอกเบี้ยครั้งต่อไป คาดการณ์ว่าจะจะเป็นเมื่อไหร่?
เฟดจะมีการประชุม FOMC และประกาศดอกเบี้ยเป็นประจำทุก 6-8 สัปดาห์ ตารางการประชุมล่วงหน้าสำหรับปี 2567-2568 สามารถดูได้จากเว็บไซต์ทางการของ Federal Reserve นักลงทุนควรติดตามประกาศอย่างใกล้ชิด
10. การตัดสินใจของเฟดเรื่องดอกเบี้ยส่งผลต่ออสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยโดยตรงหรือไม่?
ไม่ส่งผลโดยตรงในทันที แต่ส่งผลทางอ้อมผ่านการกดดันให้ กนง. พิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย หาก กนง. ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย จะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์ในไทยสูงขึ้น ซึ่งอาจชะลอการเติบโตของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในประเทศได้